ขนาดของใบเลื่อนสายพานมีผลต่อการใช้งานหรือไม่

ขนาดของใบเลื่อยสายพานมีหลายขนาด และแต่ละขนาดก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป

ขนาดของใบเลื่อนสายพาน

ในการเลือกใช้ใบเลื่อยสายพาน ไม่ว่าจะเป็นงานเหล็ก โลหะ งานไม้ หรืองานเลื่อยประเภทอื่นๆ โดยทั่วๆ ไปก่อนการเลือกซื้อเพื่อนำมาใช้งาน ควรต้องรู้ก่อนว่าจุดประสงค์ในการนำไปใช้งานนั้น เราต้องการนำไปใช้ทำอะไร เพื่อ จำกัด ตัวเลือกให้แคบลง เพื่อที่จะได้ขนาดใบเลื่อยที่เหมาะกับงาน

โดยทั่วไปการเรียกเลื่อยสายพานจะเรียกตามความยาวเส้นผ่านศูนย์กลาง เช่น เลื่อยสายพานขนาด 16 นิ้ว จะหมายถึงความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของวงล้อเท่ากับ 16 นิ้ว หรือสามารถวัดความยาวระยะห่างระหว่างใบเลื่อยทั้ง 2 ข้างตรงด้านตั้งก็ได้เช่นกัน ปัจจุบันมีตัวเลือกทั้งใบเลื่อยและเครื่องเลื่อยให้เลือกมากมาย โดยได้พัฒนาทั้งใบเลื่อยและเครื่องเลื่อยให้เหมาะกับงานแต่ละประเภท

ใบเลื่อยสายพานตัดไม้

สำหรับใบเลื่อยสายพานที่ใช้ในงานไม้จะมีทั้งหมด 2 ประเภท

  1. Band Mill - เป็นเลื่อยสายพานขนาดใหญ่ ใบเลื่อยสายพานชนิดนี้มีขนาดกว้างเพื่อใช้ในการเล่นเปิดปีกไม้ออกจากท่อนซุง และผ่าซอยออกเป็นไม้หน้าตัดสี่เหลี่ยมในขนาดต่างๆ ใบเลื่อยสายพานประเภทนี้นิยมใช้เฉพาะในโรงเลื่อยจักรและโรงงานแปรรูปไม้
  2. Band Saw หรือ Band Scroll Saw - เป็นใบเลื่อยสายพานแบบที่ใช้กันทั่วๆ ไป โดยนำไปใช้ในการซอยไม้ออกเป็นไม้กระดานแผ่นบางๆ การซอยและตัดโค้ง การซอยไม้หรือตัดไม้ที่มีความหนามากๆ การผ่าเดือย ตัดปากกบไม้ และงานเลื่อยอื่นๆ ที่เลื่อยวงเดือนหรือเลื่อยรัศมีทำไม่ได้

ขนาดของใบเลื่อยสายพาน

เราจะวัดขนาดของใบเลื่อยสายพานกันที่ความกว้างและความหนาของใบเลื่อย ซึ่งมันต้องสัมพันธ์กันตามมาตรฐานการผลิต เช่น

  • ใบเลื่อยที่ใช้สำหรับตัดไม้ - จะมีความกว้างและขนาดใบเลื่อยอยู่ที่ ⅜ นิ้ว, ½ นิ้ว, ¾ นิ้ว และ 1 นิ้ว เป็นต้น ใบเลื่อยสำหรับตัดวัสดุอ่อน - เช่น ดีบุก ทองเเดง ตะกั่ว จะมีความยาวของแนวตัดมากกว่า 40 มม. ขึ้นไป จำนวนฟันตั้งแต่ 14, 16, 18 นิ้ว

  • ใบเลื่อยสำหรับตัดวัสดุแข็งปานกลางหรือใบเลื่อยตัดเหล็ก - เช่น เหล็กท่อ เหล็กโครงสร้าง เหล็กทองเหลือง จะมีความยาวของแนวตัดน้อยกว่า 40 มม. จำนวนฟันตั้งแต่ 22 และ 24 นิ้ว

  • ใบเลื่อยสำหรับตัดวัสดุแข็งมาก - เหล็กทำเครื่องมือ เหล็กกล้าผสม เช่น แผ่นโลหะหรือท่อบางๆ จะมีจำนวนฟัน 32 นิ้ว

จำนวนฟันของใบเลื่อย

จำนวนฟันของใบเลื่อยมีผลต่อการทำงานของใบเลื่อย เช่น ใบเลื่อยที่มีความยาว 1 นิ้ว จะมีฟันอยู่ 4 ถึง 8 ฟัน หากจำนวนฟันน้อย คลองเลื่อยที่ได้จะมีลักษณะหยาบ ถ้าจำนวนฟันมากกว่านี้ จะทำให้คลองเลื่อยละเอียดมากขึ้นและทำงานง่ายกว่า

ฟันเลื่อยกับขนาดที่เหมาะสม

ขนาดของฟันเลื่อย (TPI หรือ Teeth Per Inch) ตัวค่า TPI ก็คือจำนวนของฟันเลื่อยในระยะความยาว 1 นิ้ว เช่น ใบเลื่อย 10/14 จะมีฟันเลื่อย 10 ฟัน นิ้วถัดไปจะมีจำนวน 14 ฟัน สลับกันไปแบบนี้ เรียกว่า Variable Pitch ทำให้ใบเลื่อยมีประสิทธิภาพในการตัดและเรื่องอายุการใช้งาน ก็ใช้ได้นานขึ้นอีกด้วย 

รูปแบบของใบเลื่อยที่ใช้ตัดวัสดุมี 2 แบบ

  • ใบเลื่อยตัดวัตถุที่มีลักษณะตัน เช่น เหล็กเพลาตัน เหล็กทำแม่พิมพ์ ทั้งทรงเหลี่ยมและทรงกลม การเลื่อยตัดชิ้นงานที่ตันจะใช้ใบเลื่อยที่มีขนาดฟัน (TPI) หยาบ จะทำให้ตัดงานได้เร็วขึ้น การคายเศษต่างๆ ทำได้ดีกว่า ซึ่งขนาดฟันที่นิยมใช้กันก็คือ 4/6 นิ้ว, 3/4 นิ้ว และ 2/3 นิ้ว

  • ใบเลื่อยตัดท่อ - หรือตัดวัตถุทรงอื่นๆ ที่เป็นเหล็กรูปพรรณ หรือวัตถุที่ไม่ตัน พื้นผิวที่ตัดจะแตก ต่างกับวัตถุที่มีลักษณะตัน เช่น งานท่อ พื้นผิวที่ตัดจะมีการสัมผัสใบเลื่อยน้อยกว่าแบบตัน ฟันเลื่อยที่มีความถี่จะทำให้การตัดราบรื่นและช่วยลดปัญหาฟันแตกหรือบิ่น ขนาดที่นิยมใช้งานกัน คือ 6/10 นิ้ว, 5/8 นิ้ว และ 4/6 นิ้วเป็นต้น

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า จำนวนฟันมีความสำคัญกับชิ้นงาน ฟันที่มีความถี่หรือมีความชิดกันจะทำให้ตัดงานออกมาดูละเอียด สวยกว่า แต่การจะเลือกจำนวนความถี่ของฟันเลื่อยและรูปแบบใบเลื่อยจะขึ้นอยู่กับประเภทและวัสดุที่ต้องการตัด เช่น

  • สำหรับการตัดชิ้นงานกับวัสดุบางๆ ที่มีส่วนโค้งและแคบ - ควรเลือกใช้ใบเลื่อยสายพานที่มีขนาด ⅛ นิ้ว, 3/6 นิ้ว และระยะห่างของฟัน 10-14 TPI
  • สำหรับงานตัดที่มีความโค้งหรือมีรัศมีมากกว่า ⅝ นิ้ว - ควรเลือกใช้ใบเลื่อยสายพานขนาด ¼ นิ้ว และระยะห่างของฟัน 6 TPI
  • สำหรับงานตัดขวางทั่วๆ ไป - ควรใช้ใบเลื่อยที่มีฟันแบบตะขอ ½ นิ้ว และระยะฟัน 3 TPI

วิธีเลือกใช้ใบเลื่อยสายพานให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  1. ความยาว ความหนา ความกว้างและวัสดุของใบเลื่อย ขนาดของใบเลื่อยจะเป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดของอุตสาหกรรม โดยจะมีขนาดและระยะห่างของพูเล่ย์เป็นตัวกำหนดความยาวของใบเลื่อย ช่องว่างที่อยู่ระหว่างตัวประคองใบเลื่อยหรือลูกปืนประคอง จะเป็นตัวกำหนดความหนาของใบเลื่อย หากใบเลื่อยสายพานมีความหนามากเกินไปจะไม่สามารถผ่านตัวประคองไปได้ และถ้าหากใบเลื่อยสายพานมีความบางมากจนเกินไป ก็จะทำให้ตัวประคองหรือลูกปืนประคองไม่พอดีที่จะทำให้ใบเลื่อยแน่นได้ และอาจก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนและคุณภาพในการตัดชิ้นงานลดลง ใบเลื่อยที่กว้างที่สุดจะสามารถตัดชิ้นงานออกมาได้ตรงที่สุด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างความกว้างของใบเลื่อยและความแข็งแรงของสันใบเลื่อย หรือสามารถสรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อสันใบเลื่อยสายพานมีความแข็งแรง คุณภาพในการตัดชิ้นงานจะดีขึ้นตามไปนั่นเอง และวัสดุที่ใช้ในการผลิตใบเลื่อยก็มีผลต่อประสิทธิภาพการตัดงานด้วยเช่นกัน

  2. รูปทรงฟันของใบเลื่อย (Tooth Geometry) รูปทรงฟันของใบเลื่อยเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพและคุณภาพในการตัด รวมไปถึงความสามารถในการรองรับเศษโลหะ ขี้เลื่อยและอายุการใช้งานของใบเลื่อย ฟันของเลื่อยมีหลายรูปทรงให้เลือกตามประเภทของงาน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถืงในการเลือกซื้อก็คือ ลักษณะของคลองฟันเลื่อย เหลี่ยมหรือมุมของคลองฟันมีผลต่อประสิทธภาพในการรองรับเศษโลหะและประสิทธิภาพในการตัดชิ้นงาน

สรุปก็คือ ขนาดของใบเลื่อยสายพานมีผลทั้งต่อการทำงานและประสิทธิภาพในการตัดชิ้นงาน และหากคุณกำลังตัดสินใจที่จะซื้อใบเลื่อยสายพาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดี

สามารถปรึกษาบริษัท ออล พาร์ท ได้ เพราะเราเป็นผู้จำหน่ายใบเลื่อยสายพานตัดโลหะ ใบเลื่อยสายพานตัดเหล็ก ใบเลื่อยสายพานตัดไม้ ฯลฯ ทั้งขายปลีกและขายส่ง สินค้าคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ราคาย่อมเยาว์ และมีบริการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน (AEC)

ด้วยประสบการณ์กว่า 12 ปีที่เราดำเนินงานมา เราเน้นเรื่องงานขาย งานบริการหลังการขายเป็นหลัก เราสามารถเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้งานของลูกค้าดำเนินไปได้แบบมีประสิทธิภาพ การแนะนำสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะกับประเภทของงานจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับลูกค้าได้ ช่องทางการติดต่อมีให้เลือกหลายช่องทางตามความสะดวกของลูกค้าแต่ละท่าน ดังนี้


สนใจสินค้าติดต่อเรา

บริษัท ออลพาร์ท อินเตอร์เทรด จำกัด
135/77 หมู่6 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170
Tel : 089-888-3455, 02-441-9960
Fax: 028002200
E-Mail : pongchart@apintertrade.com, tarw124@gmail.com
Line id : ta2j

 

Visitors: 208,817