ปัจจัยที่มีผลต่อราคาใบเลื่อยสายพานมีอะไรบ้าง

ทำความรู้จักใบเลื่อยสายพาน ที่จะทำให้คุณเลือกใช้ได้อย่างคุ้มค่า

ใบเลื่อยสายพาน
สายการผลิตคงจะรู้จักอุปกรณ์ชิ้นนี้กันเป็นอย่างดี ‘ใบเลื่อยสายพาน’ เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ในการตัด ปรับแต่งรูปทรงของไม้ เหล็ก สแตนเลสสตีล ฯลฯ ใช้ในการก่อสร้าง อุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยสิ่งที่มีผลต่อราคาของใบเลื่อยสายพานที่ต่างกันนั้น ได้แก่ ขนาดความกว้าง ความยาว ความหนา วัสดุของใบเลื่อย และการนำไปใช้งานที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงก่อนการตัดสินใจซื้อทุกครั้ง ใครที่กำลังจะซื้อใบเลื่อยสายพานแต่ยังไม่มั่นใจว่าต้องเลือกซื้อแบบไหน มาดูกันเลย
  1. พิจารณาจากความกว้าง ความยาว ความหนาของใบเลื่อยสายพาน
    • ความกว้าง (มิลลิเมตร)
      ความกว้างน้อยสุดของใบเสื่อย ไม่ควรน้อยกว่า 6.5% ของความกว้างสูงสุดเดิม ถ้าความกว้างน้อยกว่านี้จะทำให้ติดตั้งกับมูเลย์ลำบาก ซึ่งหลักการของใบเลื่อย คือใบเลื่อยที่กว้างที่สุดจะตัดได้ตรงที่สุด ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กันระหว่างความกว้างของใบเลื่อยและความแข็งแรงของสันใบเลื่อย เมื่อความแข็งแรงของสันใบเลื่อย เพิ่มขึ้นคุณภาพการตัดก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

    • ความยาว (เมตร)
      โดยทั่วไปความยาวของใบเลื่อย จะใช้ความยาวมากสุดที่เครื่องเลื่อยสายพานจะตั้งได้ เพราะเมื่อมีความจำเป็นต้องต่อใบเลื่อย จะทำให้สามารถใช้ใบเลื่อยเดิมได้หลายครั้ง เราสามารถตั้งมูเล่ย์เครื่องเลื่อย ให้ช่องห่างของมูเล่ย์เข้าหาหรือออกห่างกันได้ ต้องดูระยะห่างสูงสุดและต่ำสุด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการติดตั้งใบเลื่อยให้เหมาะสมกับเครื่องเลื่อยสายพานที่ใช้

    • ความหนาของใบเฉื่อย (มิลลิเมตร หรือ Birmingham Wire Guage (BWG)
      ความหนาของใบเลื่อยถูกกำหนดจากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของมูเล่ย์ เนื่องจากใบเลื่อยต้องเคลื่อนตัวอยู่บนส่วนโค้งของมูเล่ย์ หากใบเลื่อยหนาจะไม่สามารถผ่านตัวประคอง หรือลูกปืนประคองได้ ส่วนใบเลื่อยที่บางเกินไป จะทำให้ตัวประคองหรือลูกปืนประคองไม่สามารถประคองใบเลื่อยให้แน่นได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือน และคุณภาพการตัดลดลง ถ้าความหนาของใบเลื่อยไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการแตกของใบเลื่อยทั้งด้านหลังและท้องฟันเลื่อยได้

  2. เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพในการตัด จะต้องดูวัสดุที่ใช้ในการผลิตใบเลื่อยสายพานด้วย
    • ใบเลื่อย Bi-metal (ใบเลื่อยไฮสปีดสตีล)
      เป็นใบเลื่อยที่ผลิตจากเหล็กกล้าความเร็วสูง มีความแข็งแรงมาก ต้านทานการสึกหรอสูง ประกอบด้วยใบเลื่อยสองชิ้น ใช้งานได้หลากหลาย ส่วนมากนิยมนำมาใช้ตัดโลหะ เพราะสามารถตัดวัสดุที่แข็งได้ถึงระดับ 40-45 HRC

    • ใบเลื่อยติดคาร์ไบด์ (Carbide-tipped blades)
      มีปลายฟันที่ขึ้นรูปให้เป็นวัสดุรองรับ จากนั้นเชื่อมคาร์ไบด์ติดเข้ากับปลายฟัน และเจียรให้เป็นรูปร่าง โดยส่วนมากนิยมนำไปใช้กับ งานตัดวัสดุด้านอากาศยาน เช่น โลหะพวกซูเปอร์อัลลอยที่ทำจากนิกเกิลและไทเทเนียม สามารถตัดวัสดุที่แข็งได้ถึงระดับ 60-62 HRC ตัดเหล็กเนื้อแข็งหรือไม้ที่เนื้อแข็งพิเศษได้ดีกว่าใบเลื่อยสายพานประเภท Bi-Metal และตัดชิ้นงานได้พื้นผิวที่เรียบกว่า

  3. เลือกขนาดฟันที่เหมาะสมกับงานตัด (TPI – Teeth Per Inch)
    ค่า TPI (Teeth Per Inch) คือ จำนวนฟันของใบเลื่อยในระยะความยาว 1 นิ้ว เช่น ใบเลื่อย 10/14 จะมีฟันเลื่อย 10 ฟัน จากนั้นนิ้วถัดไปจะมีฟันเลื่อย 14 ฟัน สลับกันไป เรียกว่า Variable Pitch ทำให้ใบเลื่อยมีประสิทธิภาพในการตัดและอายุการใช้งานนานขึ้น

    โดยใบเลื่อยสายพานที่ใช้ทั่วไปในการตัดวัตถุ มีอยู่ 2 แบบ คือ

    • ใบเลื่อยตัดวัสดุที่มีลักษณะตัน (Solid) เช่น เหล็กเพลาตัน, เหล็กทำแม่พิมพ์ (Mold) ทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยม หรือวงกลม จะใช้ใบเลื่อยที่มีขนาดฟัน (TPI) หยาบ เพราะฟันใบเลื่อยที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ตัดงานได้เร็วขึ้น และคายเศษขี้เลื่อยได้ดีกว่า ขนาดฟันของใบเลื่อยสายพานที่นิยมใช้ เช่น 4/6, 3/4, 2/3 เป็นต้น

    • ใบเลื่อยตัดท่อ (Tube) หรือวัสดุที่เป็นเหล็กรูปพรรณ (Profile) วัตถุที่มีลักษณะกรวง เช่น งานตัดท่อ พื้นผิวการตัดจะมีการสัมผัสใบเลื่อยน้อยกว่าแบบตัน จึงควรเลือกใช้ฟันเลื่อยแบบถี่มากขึ้น ลดปัญหาเรื่องฟันแตก บิ่น ขนาดฟันของใบเลื่อยสายพานที่นิยมใช้ เช่น 6/10, 5/8, 4/6 เป็นต้น

  4. ประเภทของใบเลื่อยสายพานที่เหมาะกับวัสดุที่ต้องการตัด
    • งานตัดวัสดุที่เป็น ‘เหล็ก และ โลหะ’
      - Carbide: ใบเลื่อยติดเม็ดคาร์ไบด์ มีคุณสมบัติพิเศษในการตัดเหล็กแข็ง หรือไม้ที่เนื้อแข็งพิเศษ เหมาะสำหรับตัดวัสดุที่มีความแข็งเป็นพิเศษ

      - M42 (Allpower): ฟันใบเลื่อยผลิตจากเหล็กกล้าความเร็วสูง มีความแข็งแรงมาก ต้านทานการสึกหรอสูง เหมาะกับงานผลิตและงานโลหะทุกประเภท
      - M51 (Performer): ฟันใบเลื่อยผลิตจากเหล็กกล้าความเร็วสูง มีความแข็งแรงมาก ต้านทานการสึกหรอสูง ทนต่อความร้อน และแรงเสียดสีสูง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะสำหรับโลหะที่ตัดยาก
      - MX55 (Duoflex MX55): ฟันใบเลื่อยผลิตจากเหล็กกล้าความเร็วสูง โดยใช้เทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น ทนต่อความร้อน และต้านทานการสึกหรอสูง คุณภาพในการตัดมีความเที่ยงตรงมากขึ้น เหมาะสำหรับวัตถุที่ยากต่อการตัด

    • งานตัดวัสดุที่เป็น ‘ไม้'
      - Silco: ผลิตจากเหล็กซิลิคอนสูง ฟันใบเลื่อยแข็งแรงทนทาน ตัวใบเลื่อยมีความยืดหยุ่นสูง และมีประสิทธิภาพการทำงานสูง เหมาะสำหรับการตัดไม้, อะลูมิเนียม, ทองเหลือง, ทองแดง, เหล็กหล่อ, แกรไฟต์, ไฟเบอร์กลาส และกลุ่มโลหะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เหล็ก

      - Silco-Log: ใบเลื่อยผลิตจากคาร์บอน มีส่วนผสมของซิลิคอนกันความร้อนได้ดี มีคลองเลื่อยที่ระบายขี่เลื่อยได้ดี ผลิตมาสำหรับงานตัดไม้โดยเฉพาะ
      - Silver-Log: ฟันใบเลื่อยพิเศษออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพงานตัดที่ดีขึ้น ปรับปรุงมาจากตัว Silco-Log รุ่น dust remover ทำให้เกิดฝุ่นจากการตัดน้อยมากที่สุด

    • งานตัดวัสดุที่เป็น ‘โฟม ยาง ผ้า ฟองน้ำ สำลี ขนมปัง’
      - Straight edge: เหมาะสำหรับงานตัดวัสดุเนื้อนิ่มหรือวัสดุที่ทำจากเส้นใยต่างๆ

      - Scallop edge: เหมาะสำหรับงานตัดวัสดุที่เน้นชิ้นงานสำเร็จไม่เน้นผิวงานเรียบเนียน (สามารถใช้ทดแทน Wavy ได้ในบางงาน)
      - Wavy edge: เหมาะสำหรับงานตัด เช่น ฟองน้ำเซลลูโลส ขนมปัง ขนมเค้ก ยาง ปะเก็น หนัง อะลูมิเนียมเนื้ออ่อน กระดาษลูกฟูก ล้อขัดเงา
นอกจากการพิจารณาในการเลือกซื้อใบเลื่อยสายพานทั้ง 4 ข้อนี้ จะต้องเลือกประเภทเครื่องเลื่อยให้เหมาะสมกับงานตัดด้วย อีกทั้งยังควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่าง บริษัท ออลพาร์ท อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้จัดจำหน่าย ใบเลื่อยสายพาน ใบเลื่อยสายพานตัดเหล็ก ใบเลื่อยสายพานตัดไม้ ใบเลื่อยสายพานตัดสแตนเลส เกรดคุณภาพ เพื่อการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


สนใจสินค้าติดต่อเรา

บริษัท ออลพาร์ท อินเตอร์เทรด จำกัด
135/77 หมู่6 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170
Tel : 089-888-3455, 02-441-9960
Fax: 028002200
E-Mail : pongchart@apintertrade.com, tarw124@gmail.com
Line id : ta2j

 

Visitors: 208,791